การสอบสัมภาษณ์นักบินฝึกหัด (Student Pilot)
ผมจะไม่เขียนเชิงวิชาการอะไรมากนักแต่จะขอเขียนเชิงแนะนำในการปฏิบัติตัวเพื่อเตรียมสอบครับ
อย่างแรกเลยคือเตรียมเอกสารให้พร้อมและครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในรายละเอียดการสมัครจะได้ตัดปัญหารบกวนใจเกี่ยวกับหลักฐานหรือเอกสารที่ยังไม่พร้อม เตรียมทุกอย่างให้พร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ ไปเลย
การแต่งกาย ต้องสุภาพและเหมาะสม ไม่ต้องเน้นหล่อเนี้ยบ แต่ต้องดูเรียบร้อย ทรงผมและความสะอาดในการแต่งกายเป็น first impression ที่กรรมการเห็นเราตั้งแต่เดินเข้าห้องสัมภาษณ์ เพราะฉะนั้นคิดดูเอาเองว่าอยากให้เค้ามองเห็นเราแล้วคิดอย่างไร แฟชั่นมากไปไม่ดีแน่นอนครับ เอาไว้ใส่วันอื่นดีกว่า
กรรมการเราไม่รู้จักเค้า แต่เค้าแอบมองเราตั้งแต่เรามารายงานตัวแล้วนะครับ
การสำรวมและกิริยามารยาทก็ควรให้เหมาะสมกับสถานที่
การสำรวมและกิริยามารยาทก็ควรให้เหมาะสมกับสถานที่
ไปก่อนเวลานัด
ไม่ควรมานั่งอ่านเอกสารอะไรในวันสัมภาษณ์แล้ว
วันนั้นต้องพร้อมมาแล้ว ไม่ใช่ทำตัวเหมือนมาสอบเข้ามหาลัยแต่อ่านหนังสือไม่ทัน
วันนั้นต้องพร้อมมาแล้ว ไม่ใช่ทำตัวเหมือนมาสอบเข้ามหาลัยแต่อ่านหนังสือไม่ทัน
ถัดไปคือ เตรียมใจ
จิตใจที่สงบและไม่ฟุ้งซ่าน จะทำให้เราไม่ทำร้ายตัวเราเอง
ความฟุ้งซ่านหรือความอยาก คือเป็นศัตรูตัวร้ายของเรา
เพราะมันจะบดบังความคิดที่ตรงไปตรงมาของเรา เนื่องจากความกลัว กลัวทำได้ไม่ดี กลัวตอบไม่ได้ กลัวโน่นนี่นั่น
เพราะมันจะบดบังความคิดที่ตรงไปตรงมาของเรา เนื่องจากความกลัว กลัวทำได้ไม่ดี กลัวตอบไม่ได้ กลัวโน่นนี่นั่น
จะคิดไปทำไม คิดแล้วได้อะไร เข้าห้องสัมภาษณ์ก็รู้เองว่าเค้าจะถามอะไร เราก็มีหน้าที่ตอบไป ขอให้คิดแค่นี้พอ
ผมขอแนะนำว่า ให้เริ่มบอกตัวเองได้แล้วว่า เราพร้อมที่จะได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้เรียนรู้อะไร ๆ จากการเข้าสอบในครั้งนี้ และนั่นเพียงพอแล้วสำหรับการได้ทำมัน ไม่ว่ามันจะผ่านหรือไม่ผ่าน แต่มันคือ ความสำเร็จของเราแล้วว่า “ได้ทำมันแล้ว”
ดังนั้น จึงไม่ควรและไม่ต้องอยากเป็นนักบินจนทำให้เสียสติ
ในระหว่างการรอวันสัมภาษณ์มาถึง จึงควรพักผ่อนและผ่อนคลาย ใครชอบทำอะไรแล้วมีความสุขก็ทำอันนั้น
สภาพจิตใจและความมั่นใจในตัวเองเป็น inner ที่จะทำให้การนำเสนอหรือแสดง performance ของเราออกมาอย่างที่เราเป็น หรืออย่างที่เราอยากให้เค้าเห็น
ผมเคยเขียนไปแล้วว่า การสัมภาษณ์คือ การนำเสนอตัวเองให้เค้าเห็น ให้เค้าได้สัมผัสความเป็นตัวเรา
ดีที่สุด ถ้าเราเหมาะสมที่จะเป็น
ร้ายที่สุดคือ เราไม่เหมาะแต่เราดันผ่านเข้าไปเป็นนักบิน (ชีวิตการบินจะเหนี่อยหรืออาจจะไปไม่รอด)
ร้ายที่สุดคือ เราไม่เหมาะแต่เราดันผ่านเข้าไปเป็นนักบิน (ชีวิตการบินจะเหนี่อยหรืออาจจะไปไม่รอด)
เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วตอนที่ผมจะไปสัมภาษณ์ผมจึงแทบไม่เตรียมตัวอะไรเลยจริง ๆ
แต่ไม่ใช่ “จับเสือมือเปล่า” นะครับ
เพราะอย่างที่ผมเขียนมาข้างบนคือ ผมคิดไตร่ตรองดูแล้วว่าจะมาสัมภาษณ์เพื่ออะไรดังนั้น เราจึงควรเป็นตัวเราจะได้รู้ว่าเราเหมาะที่จะเป็นอาชีพนี้หรือไม่
เพราะอย่างที่ผมเขียนมาข้างบนคือ ผมคิดไตร่ตรองดูแล้วว่าจะมาสัมภาษณ์เพื่ออะไรดังนั้น เราจึงควรเป็นตัวเราจะได้รู้ว่าเราเหมาะที่จะเป็นอาชีพนี้หรือไม่
แต่ก็คงเป็นธรรมดานะครับที่คนส่วนใหญ่จะต้องรู้สึกตื่นเต้นก่อนที่จะถึงวันสัมภาษณ์ สาเหตุก็เพราะความคาดหวังในผลลัพท์
คาดหวังว่าจะต้องทำให้ถูกใจผู้สัมภาษณ์
คาดหวังว่าจะต้องทำให้ถูกใจผู้สัมภาษณ์
เพราะฉะนั้น ผมแนะนำอีกทีว่าให้แก้ที่ต้นเหตุ คือ ไม่ต้องไปคิดว่าเค้าจะต้องถูกใจเรา หรือเราจะต้องทำให้ถูกใจเค้า
หลาย ๆ ครั้งที่ผมเป็นผู้สัมภาษณ์
ผมไม่เคยต้องการหรือคาดการณ์ว่า ผู้ถูกสัมภาษณ์จะต้องตอบหรือคิดอย่างที่ผมคิด
แต่ผมต้องการฟังสิ่งที่เค้าคิดมากกว่า และที่สำคัญคือเหตุผลที่จะมาสนับสนุนความคิดหรือการแก้ปัญหาของผู้ถูกสัมภาษณ์มากกว่า
ผมไม่เคยต้องการหรือคาดการณ์ว่า ผู้ถูกสัมภาษณ์จะต้องตอบหรือคิดอย่างที่ผมคิด
แต่ผมต้องการฟังสิ่งที่เค้าคิดมากกว่า และที่สำคัญคือเหตุผลที่จะมาสนับสนุนความคิดหรือการแก้ปัญหาของผู้ถูกสัมภาษณ์มากกว่า
การเชื่องโยงเรื่องราวหรือการใช้เหตุและผลเพื่อประกอบการตอบคำถามเป็นสิ่งที่สมควรทำ ตรงนี้น่าจะเรียกว่า ปฏิภาณไหวพริบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
“การตอบคำถามไม่ได้บางคำถามก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรไร เพราะประเด็นไม่ได้อยู่ที่คำตอบ”
การสัมภาษณ์เพื่อเป็นนักบินฝึกหัดไม่ใช่การทดสอบความสามารถหรือความรู้ด้านการบิน
มันแตกต่างจากการสมัครงานทั่ว ๆ ไป เพราะว่า คุณไม่ได้เป็นนักบิน
แต่คุณมาสอบเพื่อจะได้มีโอกาสเป็นนักบิน
มันแตกต่างจากการสมัครงานทั่ว ๆ ไป เพราะว่า คุณไม่ได้เป็นนักบิน
แต่คุณมาสอบเพื่อจะได้มีโอกาสเป็นนักบิน
ดังนั้น การไม่รู้เรื่องบางอย่างเกี่ยวกับการบินจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ควรรู้เรื่องที่ควรรู้ ซึ่งก็คือ เรื่องที่ร่ำเรียนมาหรือมีความชำนาญเป็นพิเศษ ตอบไปตามที่คิด แต่อย่าโม้มาก เอาแค่พอเหมาะ ดูด้วยว่าผู้สัมภาษณ์เค้าอยากฟังอยู่หรือเปล่า
แต่ควรรู้เรื่องที่ควรรู้ ซึ่งก็คือ เรื่องที่ร่ำเรียนมาหรือมีความชำนาญเป็นพิเศษ ตอบไปตามที่คิด แต่อย่าโม้มาก เอาแค่พอเหมาะ ดูด้วยว่าผู้สัมภาษณ์เค้าอยากฟังอยู่หรือเปล่า
“ทุกอิริยาบท เป็นคะแนนบวกหรือลบทั้งนั้น”
การนั่ง การเดิน การยืน การเขียน การพูดและการอธิบาย เป็นการแสดงตัวตนของเรา ลองพูดกับตัวเองหน้ากระจกบ้างก็ได้ จะได้เห็นว่าเป็นอย่างไร
การกระดิกนิ้ว กระดิกเท้า มือสั่น เท้าสั่น เป็นคะแนนลบ
ถ้าเป็นนานไม่ยอมหยุดสั่น หมายความว่า ตื่นเต้นไม่เลิก
ถ้าเป็นนานไม่ยอมหยุดสั่น หมายความว่า ตื่นเต้นไม่เลิก
ยิ้มได้ หัวเราะได้ แสดงว่า ควบคุมอารมณ์ได้ดี
ถ้าจะหัวเราะนี่ต้องดูสถานการณ์ดี ๆ นะ ค่อนข้างเสี่ยง
ถ้าจะหัวเราะนี่ต้องดูสถานการณ์ดี ๆ นะ ค่อนข้างเสี่ยง
พอแค่นี้ก่อนครับ นึกได้จะมาเล่าต่อครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น